เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มีรายงานจาก Screenrant ว่าผู้ถือหุ้นของบริษัท EA (Electronic Arts) กว่า 68% รวมตัวกันโหวตไม่ให้เพิ่มค่าตอบแทนให้กับเหล่าผู้บริหารของบริษัท
ใน 68% นี้คิดเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดกว่า 170 ล้านคน ส่วนที่เหลือประมาณ 59 ล้านคนได้โหวตสนับสนุนให้มีการเพิ่มค่าตอบแทนให้กับเหล่าผู้บริหาร โดยจำนวนผู้ถือหุ้นที่เยอะนี้ถือเป็นเรื่องปกติของบริษัทที่เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หุ้นแต่ละหุ้นจะถูกซอยย่อยเพื่อขายให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเมื่อนักลงทุนเหล่านั้นซื้อหุ้นไป ก็ถือเป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท มีสิทธิ์ในการโหวตหรือให้ความเห็นต่างๆในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
การโหวตของนักลงทุนไม่ให้เพิ่มค่าตอบแทนของผู้บริหารก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Bobby Kotick ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Activision Blizzard บริษัทพัฒนาเกมสวีทโบนันซ่าชื่อดังอย่าง Warcraft III ก็ได้มีกระแสกดดันให้ไม่เพิ่มค่าตอบแทน หลังจากที่เขามีรายได้กว่า 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี มาติดต่อกันตั้งแต่ปี 2016 หรือประมาณ 4 ปีแล้ว ซึ่งเงิน 100 ล้านดอลลาร์ จะประมาณ 3,300,000,000 บาท หากตีเป็นเดือนก็คือ 3,300,000,000 หาร 12 หรือตกเดือนละ 275,000,000 บาท!
กลับมาที่ EA การโหวตของผู้ถือหุ้นนี้ยังไม่ใช่เครื่องตัดสินเลยซะทีเดียว เพราะผู้บริหารของบริษัทยังสามารถ Veto สวนทางกับเสียงส่วนใหญ่นี้ได้
หาก EA ได้ผ่านแผนการเพิ่มค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารขั้นสูง นาย Andrew Wilson ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO จะได้รับค่าตอบแทนมูลค่า 21 ล้านดอลลาร์ นาย Blake Jorgensen ตำแหน่งChief Operating and Financial officer (COO ควบ CFO) จะได้รับค่าตอบแทน 19 ล้านดอลลาร์ และ Laura Miele ตำแหน่ง Chief Studios Officer จะได้รับค่าตอบแทน 16 ล้านดอลลาร์
ซึ่งถ้าเรารวมตัวเลขของทั้ง 3 คน จะตกอยู่ที่ 1,848,000,000 หรือประมาณ 1,850 ล้านบาทเลยทีเดียว!
ผู้ถือหุ้น 68% คงเห็นว่าก้อนเงินนี้ ควรนำไปเป็นการพัฒนาเกมใหม่ๆ หรือจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานตำแหน่งเล็กๆให้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป
บริษัท Electronic Arts Inc. หรือ EA ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1982 ประมาณ 38 ปีที่แล้ว ได้พัฒนาและ Publish เกมดังต่างๆออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
Crysis
Battlefield
FIFA
Plants vs. Zombies
Star Wars Jedi: Fallen Order
Need for Speed Heat
The Sims 4
Star Wars Battlefront II
Command & Conquer
ขออีกรอบ Vampire: The Masquerade Bloodlines 2 ประกาศเลื่อนจำหน่าย
มีอีกหนึ่งข่าวที่ได้ประกาศเลื่อนวันจำหน่ายออกไปอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เลื่อนไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าในปี 2020 โลกต้องเจอกับอะไรหลายๆ อย่างโดยเฉพาะเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันไปอย่างสิ้นเชิงมีผู้เสียชีวิตนับล้าน และคนติดเชื้อไปแล้วกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกดังนั้นการทำงานหรือใช้ชีวิตก็มีการปรับเปลี่ยนไปเยอะ โดยเฉพาะการทำงาน แล้ววันนี้มีเกมที่ได้ประกาศเลื่อนวันจัดจำหน่ายออกไปจากทาง Hardsuit Labs และ Paradox Interactive ในชื่อเกมว่า Vampire: The Masquerade Bloodlines 2
หลังจากที่ในปี 2019 ที่ผ่านมาได้มีการประกาศเปิดตัว Vampire: The Masquerade Bloodlines 2 อย่างเป็นทางการโดย Paradox Interactive ว่าจะวางจำหน่ายเกมดังกล่าวในแพลตฟอร์มทั้ง Windows PC และ Console มีกำหนดการวางจำหน่ายในปี 2020 สำหรับเกมนี้อาจจะไม่ใช้ชื่อที่คุ้นหูมากนักแต่ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่อยู่มาหลายสิบปีแล้ว เกมเวอร์ชั่นดั้งเดิมได้มีการเปิดตัวในปี 2004 ร่วมๆ ก็ 16 ปีผ่านไปเป็นเกมนำเสนอในรูปแบบ RPG เป็นธีมของโลกแห่งความมืด Dark Fantasy ที่รู้จักกันในชื่อ "แวมไพร์" ผีดูดเลือดที่มีเรื่องเล่าภายในเมืองซีแอตเทิล ตัวผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเลือกเข้ากลุ่มแวมไพร์ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลายๆ กลุ่มและแต่ละกลุ่มก็จะมีวิชาทักษะ ความสามารถพิเศษที่แตกต่างกันออกไป แล้วในภาคล่าสุดก็ดูเหมือนว่ายังไม่พร้อมขอประกาศเลื่อนวันเปิดให้บริการออกไปเป็นปี 2021 แทน
โดยที่ทางผู้พัฒนาได้คาดหวังไว้ว่า Vampire: The Masquerade Bloodlines 2 ที่เป็นภาคต่อของหนึ่งในซีรี่ส์เกม World of Darkness จะต้องออกมาให้ดีที่สุด แต่การที่จะทำเกมออกให้ดีนั้นจะต้องใช้เวลาเพิ่มเติมจากเดิม ดังนั้นเกมเมอร์คงต้องอดใจรอกันต่อไปหน่อยเพื่อที่จะได้สัมผัสกับความสนุกของการผจญภัยในโลกแห่งความมืดที่ดีที่สุด ทางทีมงานได้ออกมาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องประกาศเลื่อนเป็นครั้งที่สองหลังจากเคยเลื่อนมาแล้วพวกเขาตัดสินใจอยู่พักใหญ่ แต่เพื่อให้ผลงานออกมาดีเลยต้องยอมรับผลที่ตามมาหลังจากประกาศข่าวออกไป
ซึ่งน่าเสียดายที่ทาง Hardsuit Labs และ Paradox Interactive ASIA369 นอกเหนือจากประกาศเลื่อนแล้วไม่มีอะไรมาอัปเดตเพิ่มเติมออกมาเลย ทั้งๆ ที่ผ่านมาได้สักระยะหนึ่งแล้วน่าจะมีข้อมูลออกบางอย่างปล่อยออกมาอัปเดตให้ดูกันบ้างไม่ว่าจะเป็นระบบ Gameplay หรือ ฟังก์ชันภายในเกมก็ยังดีอย่างน้อยให้แฟนเกมที่รอได้มั่นใจขึ้นไปอีกหน่อย
Comments