เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บริษัท Epic Games เจ้าของเกมชื่อดังอย่าง Fortnite ASIA369 ได้ประกาศว่าได้รับการระดมทุนครั้งใหม่ มูลค่ารวมกว่า 17.3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 570,900,000,000 บาท (เกือบ 6 แสนล้านบาท!)
บริษัท Epic Games เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกา ตั้งอยู่ที่เมือง Cary รัฐ North Carolina ก่อตั้งโดย Tim Sweeney ในปี 1991 หรือเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา โดยขณะนั้นได้ใช้ชื่อว่า Potomac Computer Systems
หลังจากนั้นบริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Epic MegaGames, Inc ในปี 1992 จนนาย Mark Rein ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง Director ในปัจจุบันได้เข้ามาร่วมทำงานและย่อชื่อบริษัทให้เหลือแค่ Epic Games
บริษัท Epic Games เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ Unreal Engine หรือเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเกม ได้ลงชื่อใน Guinness World Records ในปี 2014 ว่าเป็น "Most successful videogame engine" หรือเอนจิ้นวิดีโอเกมที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
นอกจากนี้ยังเป็นผู้พัฒนาเกม Unreal, Gears of War, Infinity Blade, และ Fortnite และเจ้าของแพลตฟอร์มเกมชื่อ Epic Games Store ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขายเกม PC ที่มักจะปล่อยเกมให้ดาวน์โหลดกันเป็นเจ้าของฟรีๆทุกสัปดาห์
ล่าสุด PlayStation 5 ได้ใช้เทคโนโลยีของ Epic Games ซึ่งก็คือ Unreal Engine 5 สามารถดูวิดีโอตัวอย่าง Tech Demo ได้ด้านล่าง ดูแล้วต้องบอกว่าภาพสวยมากๆ เล่นแสงเงาได้เหมือนจริงสุดๆ อดรอไม่ไหวแล้วว่าเกมในอนาคตปีสองปีนี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
อีกหนึ่งความสำเร็จของ Epic Games ก็คือเกมแนว Battle Royale ชื่อ Fortnite สำหรับเกม Fortnite ได้รับรางวัล "eSports Game of the Year" จาก Golden Joystick Awards 2019 และ "Best Multiplayer Game" จาก The Game Awards 2018 มีผู้เล่นในแต่ละเดือนกว่า 78,300,000 คน อ้างอิงตาม Polygon
หนึ่งในผู้ระดุมทุนในครั้งนี้คือบริษัท Sony Corp จำนวนเงิน 250 ล้านดอลลาร์ และบริษัทอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Baillie Gifford, BlackRock, Fidelity Management & Research Company LLC, Lightspeed Venture Partners, Ontario Teachers’ Pension Plan Board, T. Rowe Price Associates Inc., และ David Tepper
ทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้บริโภค เพราะแพลตฟอร์มขายเกมอย่าง Steam ได้เจอคู่แข่งทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องรีบปรับตัว คิดบริการและนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเพื่อเอาใจลูกค้าและเกมเมอร์อย่างเราๆ
ช็อควงการ! ผู้สร้าง Street Fighter ประกาศลาออกจาก Capcom
เรียกว่าเป็นข่าวสะเทือนวงการเกมต่อสู้ และเป็นข่าวใหญ่สำหรับแฟนเกมนักสู้ข้างถนนเป็นอย่างมาก เมื่อคุณ Yoshinori Ono ผู้สร้างเกมในตำนานอย่าง Street Fighter ได้ประกาศลาออกจากบริษัท Capcom ในช่วงฤดูร้อนนี้ หลังจากที่ได้ร่วมทำงานมากว่า 30 ปี
คุณ Yoshinori Ono ได้สร้างเกมต่อสู้ที่มีชื่อว่า Street Fighter ซึ่งได้อยู่คู่วงการเกมมาตั้งแต่ปี 1987 ตั้งแต่สมัยเป็นเกมตู้ Arcade ก่อนจะกลายมาเป็นเครื่องเกมในยุคปัจจุบัน และทำให้เกิดแฟนเกมต่อสู้มากมาย จนมีการจัดการแข่งขัน Capcom Pro Tour เรื่อยมาตั้งแต่ปี 2013 แต่ในขณะที่งานแข่งขันประจำปีนี้ต้องพบปัญหาจากโรคระบาด COVID-19 คุณ Ono ก็ได้ออกมาประกาศขอบคุณแฟนๆ ที่ยังคอยติดตาม ก่อนที่จะประกาศลาออกจากบริษัท Capcom ในที่สุด
"มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมาย เกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2020 โดยเฉพาะ COVID-19 ที่ได้ส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อชีวิตและสุขภาพของผู้คนมากมายทั่วโลก ผมภาวนาให้คุณและคนที่คุณรักทุกคน จะปลอดภัยและมีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ"
"ผมรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เล่นและสมาชิก Fighting Game Community รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ยังคงให้การสนับสนุนเราเพื่อให้การจัดงาน Capcom Pro Tour เกิดขึ้นในปีนี้ ตัวผมได้อยู่กับ Street Fighter มาเป็นเวลานาน และได้พบกับช่วงเวลาที่ดี รวมถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก หัวใจของผมเต็มไปด้วยความขอบคุณต่อผู้เล่นเหล่านั้น ที่คอยให้การสนับสนุนอย่างอบอุ่นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมของ Street Fighter ทุกอย่างได้มีชีวิตชีวามากขึ้น"
"และหลังจากที่ได้ทำงานที่ Capcom มาเป็นเวลาเกือบ 30 ปี ผมก็จะลาออกจากบริษัทภายในช่วงฤดูร้อนนี้ นั่นหมายความว่าผมจะลาออกจากตำแหน่งโปรดิวเซอร์เกมต่างๆ ของ Capcom รวมถึง Street Fighter ด้วย"
คุณ Ono ได้กล่าวว่าหลังจากที่เขาลาออกไป จะมีทีมงานรุ่นใหม่ของ Capcom มารับผิดชอบ Street Figther แทน และเขาคาดหวังว่าจะได้เห็นเกมต่อสู้ข้างถนนเกมสวีทโบนันซ่านี้ ได้พัฒนามากขึ้นในตอนที่เขาได้กลายเป็นเพียงแค่เกมเมอร์คนหนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายนี้คุณ Ono จะขอบคุณบุคลากรทุกคนที่เคยร่วมงานกันมา รวมถึงได้ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่คอยสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน "ผมรู้สึกเสียใจที่ในฐานะโปรดิวเซอร์ของซีรี่ส์ Street Figther ไม่สามารถร่วม "SHORYUKEN" กับพวกคุณทุกคนได้ในปี 2020 เพราะงั้นขอให้ผมได้ตะโกนถึงคุณด้วยข้อความนี้เป็นการปิดท้าย 3 2 1 SHORYUKEN!"
Comments